ทฤษฎี Marshmallow และผลกระทบต่อการ พัฒนาตนเอง

ทฤษฎี Marshmallow และผลกระทบต่อการ พัฒนาตนเอง

ทฤษฎี Marshmallow และผลกระทบต่อการ พัฒนาตนเอง ทฤษฎี Marshmallow ซึ่งเป็นแนวคิดทางจิตวิทยาที่มีรากฐานมาจากการศึกษาความพึงพอใจที่ล่าช้า ได้รับความสนใจอย่างมากในด้านการพัฒนาตนเอง การจัดการ และจิตวิทยา ทฤษฎีนี้พัฒนาโดย Walter Mischel ในปี 1960 สำรวจความสามารถในการต่อต้านการล่อลวงในทันทีเพื่อแสวงหารางวัลที่มากขึ้นในอนาคต

 

 

 บทความนี้จะเจาะลึกถึงหลักการสำคัญของทฤษฎี Marshmallow ความหมายของทฤษฎี Marshmallow ต่อการเติบโตส่วนบุคคล และวิธีนำไปใช้ในแง่มุมต่างๆ ของชีวิต

 

The Marshmallow Theory and Its Impact on Personal Development

 

 

ชื่อเรื่อง: The Marshmallow Theory

ทฤษฎีขนมหวานและผลกระทบต่อการพัฒนาตนเอง

 ทฤษฎี Marshmallow คือการทดลองที่นำเด็กกลุ่มนึง มาทดลองโดยนำเด็กให้นั่งในห้อง ที่มีมาร์ชเมลโล่วางอยู่ 1 ชิ้น ถ้าเด็กอดทนรอ 15 นาทีได้
โดยไม่กินชิ้นนั้นได้ จะได้เพิ่มอีก 1ชิ้น ผลสรุปก็คือมีเด็กที่อดทนไม่ได้2ใน3จากทั้งหมด และรอวัดผลในตอนที่เด็กเหล่านี้โตขึ้น ว่าเด็กแต่ละคนจะมีฐานะการงานอาชีพ สุขภาพร่างกาย เป็นอย่างไรในอนาคต

นักวิจัยได้ผลสรุปออกมาว่า เด็กส่วนใหญ่ที่อดทนได้
พอโตขึ้นจะมี%ประสบความสำเร็จทางด้านหน้าที่การงาน สุขภาพ
กว่าเด็กที่อดทนไม่ได้ ส่วนเด็กที่อดทนไม่ค่อยได้ส่วนใหญ่โตขึ้น
จะมีเป็นโรคอ้วน หรือมีสุขภาพที่ไม่ค่อยดีนัก
เพราะอดใจต่อสิ่งเร้าต่างๆไม่ค่อยได้

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทดสอบ ทฤษฎี Marshmallow

การทดสอบมาร์ชแมลโลว์เป็นการทดลองที่สำคัญที่ดำเนินการโดยมิสเชลและเพื่อนร่วมงาน โดยนำเสนอทางเลือกง่ายๆ ให้เด็ก ๆ ทดลอง: พวกเขาสามารถกินมาร์ชเมลโล่หนึ่งชิ้นทันทีหรือรอช่วงสั้น ๆ แล้วได้รับมาร์ชเมลโลว์สองชิ้น การศึกษาพบว่าเด็กที่แสดงความสามารถในการชะลอความพึงพอใจมักจะประสบกับผลลัพธ์เชิงบวกในชีวิตในภายหลัง เช่น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ที่ดีขึ้น และการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น

หลักการสำคัญของ ทฤษฎี Marshmallow

1. Delayed Gratification:ความพึงพอใจที่ล่าช้า: โดยพื้นฐานแล้ว ทฤษฎี Marshmallow มาร์ชเมลโล่เน้นความสำคัญของการชะลอความสุขในทันทีเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นในอนาคต หลักการนี้เป็นรากฐานที่สำคัญของการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ การกำหนดเป้าหมาย และการมีวินัยในตนเอง

2. Cognitive Strategies กลยุทธ์ทางปัญญา: ทฤษฎีเน้นกลยุทธ์ทางปัญญาที่บุคคลใช้เพื่อต่อต้านการล่อลวง กลยุทธ์เหล่านี้รวมถึงเทคนิคการเบี่ยงเบนความสนใจ การทบทวนความคิด และการมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายระยะยาว การเรียนรู้กลยุทธ์เหล่านี้อย่างเชี่ยวชาญสามารถนำไปสู่ความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นและทักษะการตัดสินใจที่ดีขึ้น

3. Self-Regulation การควบคุมตนเอง: ความสามารถในการควบคุมแรงกระตุ้นเป็นสิ่งสำคัญของทฤษฎี Marshmallow การพัฒนาการควบคุมตนเองไม่เพียงช่วยหลีกเลี่ยงความพึงพอใจในทันที แต่ยังช่วยรักษาสมดุลชีวิตการทำงานและบรรลุเป้าหมายส่วนตัวและอาชีพ

 

ผลกระทบต่อการพัฒนาตนเอง Self Development

 

ในด้านของการพัฒนาตนเอง ทฤษฎีมาร์ชแมลโลว์นำเสนอข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าสำหรับบุคคลที่แสวงหาการเติบโตส่วนบุคคล:

1. Goal Setting การตั้งเป้าหมาย: การใช้หลักการของความพึงพอใจที่ล่าช้ากับการตั้งเป้าหมายทำให้แต่ละคนสามารถแบ่งวัตถุประสงค์ที่ใหญ่ออกเป็นขั้นตอนที่จัดการได้ วิธีการนี้ส่งเสริมความรู้สึกของความสำเร็จและแรงจูงใจเมื่อมีความคืบหน้าเมื่อเวลาผ่านไป  

2. การสร้างความยืดหยุ่น Building Resilience: : การต่อต้านความสุขในทันทีอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่การทำเช่นนั้นจะปลูกฝังความยืดหยุ่นและความทรหดทางจิตใจ การโอบรับความรู้สึกไม่สบายและการเสียสละในระยะสั้นสามารถนำไปสู่ความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นเมื่อเผชิญกับความทุกข์ยาก

3. การเพิ่มพลังจิตตานุภาพ Enhancing Willpower:: การฝึกความพึงพอใจที่ล่าช้าจะทำให้กล้ามเนื้อจิตตานุภาพแข็งแกร่งขึ้น การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ต้องใช้การควบคุมตนเอง เช่น การออกกำลังกายเป็นประจำหรือการรับประทานอาหารอย่างมีสติ มีส่วนช่วยในการพัฒนาจิตตานุภาพและความมีวินัยในตนเองโดยรวม

การประยุกต์ใช้ในการจัดการ

ทฤษฎี Marshmallow ยังเกี่ยวข้องในด้านการจัดการโดยเสนอกลยุทธ์สำหรับการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพและการสร้างทีม:

1. การจูงใจพนักงาน Employee Motivation: ผู้จัดการสามารถกระตุ้นความพึงพอใจที่ล่าช้าระหว่างสมาชิกในทีมโดยเน้นถึงผลประโยชน์ระยะยาวของความพยายามของพวกเขา วิธีการนี้สามารถส่งเสริมความรู้สึกของจุดมุ่งหมายและความทุ่มเทในการบรรลุเป้าหมายขององค์กร รีวิวหนังสือ ศาสตร์แห่งการเขียนที่โน้มนาวใจคน

2. การตัดสินใจ Decision-Making : ผู้นำที่ใช้กลยุทธ์การรู้คิดเพื่อต่อต้านการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจเลือกอย่างรอบรู้ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อความสำเร็จในระยะยาวขององค์กร  7 ขั้นตอน ในการสร้าง กลยุทธ์ การตัดสินใจ  

3. การบริหารเวลา Time Managemen : การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเกี่ยวข้องกับการจัดลำดับความสำคัญของงานที่สำคัญเหนือสิ่งรบกวนในทันที ผู้จัดการที่จัดลำดับความสำคัญของเวลาตามหลักการของ Marshmallow Theory สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเป็นผู้นำด้วยการยกตัวอย่าง

Time management แนะนำหนังสือ 5 เล่ม เพื่อการ ฝึกการบริหารจัดการเวลา

หนังสือสร้างแรงบันดาลใจ แนะนำโดย นักจัดพอดคาสต์ ชื่อดัง Andrew Huberman

บทสรุป

ทฤษฎี Marshmallow ซึ่งมีรากฐานมาจากแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งของความพึงพอใจที่ล่าช้า มีความหมายกว้างไกลสำหรับการพัฒนาและการจัดการส่วนบุคคล ด้วยการทำความเข้าใจและใช้หลักการของทฤษฎี Marshmallow บุคคลสามารถเพิ่มวินัยในตนเอง ปรับปรุงทักษะการตัดสินใจ และประสบความสำเร็จในระยะยาว ไม่ว่าจะเพื่อเป้าหมายส่วนตัวหรืออาชีพการงาน การโอบรับความพึงพอใจที่ล่าช้าสามารถนำไปสู่การเดินทางชีวิตที่สมบูรณ์และมีผลมากขึ้น

 

 

Revies : Deep Work: Rules for Focused Success in a Distracted World

Money Banner

พื้นที่ โฆษณา